✨ คุณอยากให้แบรนด์ของคุณมีพลังแบบนี้มั้ยครับ?

ผมมีเทคนิคในการเพิ่มพลังให้แบรนด์ของคุณมาแชร์ให้ฟังครับ ✨

📌 คนส่วนใหญ่คิดว่า ขายให้ดี ทำแบรนด์ให้ดัง มีคนรู้จักเยอะๆ ได้ยินชื่อบ่อยๆ แล้วพลังพวกนี้ จะเกิดขึ้นเอง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริงครับ

📌 เพื่อนผมขาย ที่หนีบมือถือบนรถ ได้เป็นล้านชิ้น ยังไม่มี แฟนคลับซักคนเลยครับ คนซื้อของเค้าเยอะเพราะมันถูกสุด หยุดยิงแอดเมื่อไหร่ก็จบทันที และถ้าแบรนด์ของเค้าหายจากโลกนี้ไปก็ไม่มีใครคิดถึงครับ 😢

❤️แบรนด์ที่คนรู้จักเยอะ กับ แบรนด์ที่คนรักมาก นั้นมีวิธีสร้างที่ต่างกัน❤️

ผมนำประโยคนี้มาจากหนังสือ How to build a powerful brand เค้าบอกว่าแบบนี้ครับ

หากอยากสร้างแบรนด์ ให้ทรงพลัง

“จงอย่าคิดว่าตัวเองกำลังสร้างแบรนด์ แต่จงคิดว่ากำลังสร้าง ศาสนา”

“เพราะหากเราคิดว่าเรากำลังสร้างแบรนด์ เราจะได้ลูกค้า แต่หากเราสร้างศาสนา เราจะได้ สาวก”

ผมว่ามันเป็นประโยคที่ทรงพลังมาก

สาวก ในที่นี้จริงๆ ก็คือ แฟนคลับนั่นแหละครับ

เค้าคือคนที่รักคุณ เชื่อในตัวคุณ

พร้อมที่จะช่วยคุณทุกอย่างให้คุณประสบความสำเร็จ

คอยช่วยอุดหนุนคุณซ้ำๆ ไม่อยากได้แบรนด์อื่น

คุณออกอะไรมาเค้าก็ซื้อ เค้าจะช่วยคุณโปรโมท

ใครใช้แบรนด์ของคุณพวกเค้าก็จะมองว่ามันดูดีดูเท่

ใครลังเลที่จะซื้อของคุณพวกเค้าก็จะพูดเชียร์ และ หากใครว่าคุณเค้าจะช่วยออกมาปกป้องคุณครับ

 เมื่อคุณมีแฟนคลับ 100000 คน เค้าจะนำลูกค้า ล้าน คนมาให้คุณเองครับ

ตัวอย่างที่ FC ของเรา ไปเขียนเชียร์เราในพันทิพครับ

คุณอยากมีแบรนด์ที่ลูกค้ารักแบบนี้มั้ยครับ? มาครับผมจะบอกวิธีให้

แบรนด์จะทรงพลังได้ ต้องมี Story เบื้องหลังครับ

แบรนด์อย่างหลุย วิตตอง แอร์เมส ชาแนล พวกนี้เค้าขายราคาแพงเป็น 100 เท่าได้ ไม่ใช่แค่เพราะเค้ามีกระเป๋าที่สวย แต่เพราะเค้ามี Story เบื้องหลังมาเสริมให้มันทรงคุณค่าด้วยครับ

แบรนด์อย่าง Apple หรือ Tesla ก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ คุณจะเห็นว่า 2 แบรนด์นี้มีแฟนคลับมหาศาล นั่นก็เพราะเค้ามี Story ที่น่าประทับใจ คุณสามารถไปหาดูได้ทั้งแบบหนัง สารคดี youtube Netflix ได้มากมายเลยครับ

ถ้าลูกค้าได้รับรู้เรื่องราวของคุณว่าบริษัทของคุณเกิดมายังไง สินค้าคุณเกิดมาได้ยังไง คุณต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง อุดมการณ์ของคุณคืออะไร เค้าจะมองคุณไม่เหมือนเดิมอีกเลยครับ

ผมจะบอกว่าแม้แต่การสร้างศาสนา ยังต้องใช้ “เรื่องเล่า” เพื่อสร้างผู้ศรัทธา เลยครับ มันเป็นศาสตร์ที่ถูกใช้มาแล้วเป็น 1000 ปี และ มันพิสูจน์แล้วว่ามันได้ผลจนถึงวันนี้

ในยุคนี้เราเรียกมันว่าพลังแห่ง “Story telling” ครับ

✅ ที่ผมมั่นใจว่ามันได้ผล เพราะผมได้ใช้มันมากับตัวเองแล้วครับ ✅

เชื่อมั้ยครับว่าผมเคยใช้ ทักษะ Storytelling เขียนบทความนึง เล่าความเป็นมาของบริษัท u drink i drive แล้วยิง ad ออกไป ประมาณวันละ 500 บาท ปรากฎว่าบทความ นั้น สามารถทำเงินให้บริษัทได้ เดือนละ ล้าน บาท ทุกเดือน เลยครับ มันขายดีมาก จนต้องปิดแอด เพราะเราผลิตรพนักงานขับรถกันไม่ทันกันเลยครับ

➡️ นอกเหนือจากนั้น ยังมีคนมากมาย ช่วยกันแชร์ ผ่าน facebook ig line ช่วยกันเอาไปลงพันทิพ Tag เพื่อนๆ เพื่อช่วยเราทำการตลาด โดยที่พวกเค้าไม่ได้ถูกจ้างเลย

➡️ ขนาดปิดแอดไปแล้ว ยังมีลูกค้าทักมาเรื่อยๆเลยครับ บอกว่าเพื่อนแนะนำมา

➡️ บางคนเป็นเลขา ทักมา บอกว่า เจ้านายสั่งมาว่าให้ใช้พนักงานขับรถยี่ห้อนี้เท่านั้น ไปติดต่อมาหน่อย

➡️ บางคนทัก inbox เข้ามาว่า เค้าเป็นกราฟฟิค ดีไซน์เนอร์ ถ้าให้เค้าช่วยออกแบบอะไรบอกนะ เค้าไม่คิดเงิน เค้าอยากช่วย เค้าเชื่อในอุดมการณ์ของเรา

➡️ บางคนเป็นเจ้าของธุรกิจ เค้าช่วยโปรโมท ยูดริ้งค์ไอไดรฟ์ ให้กับทุกคนในบริษัทของเค้า โดยส่งอีเมล หาพนักงานเค้า เป็น 1000 คน เลยครับ

➡️ เวลาลูกค้าของเราแต่งงานเค้าก็จะให้เราไปออกบูท แล้วให้พิธีกรช่วยพูดโปรโมทให้ในงานครับ

➡️ และที่พีคที่สุดคืออะไรรู้มั้ยครับ ผมจะบอกว่าตอนที่ โควิด เข้ามา ลูกค้ากลัวว่าเราจะอยู่ไม่ไหว เค้าถามผมว่าอะไรรู้มั้ยครับ “คุณขาดเงินเท่าไหร่ เดี๋ยวผมซื้อ Voucher คุณล่วงหน้า 1 ล้านบาท เอามั้ย แล้วเดี๋ยวเขาค่อยมาทยอยใช้บริการหลังโควิด” เขาอยากช่วยให้เรารอด

➡️ เห็นมั้ยครับว่า ขนาด ยูดริ้งค์ไอไดรฟ์ ก็ไม่ได้เป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ แบบ apple หรือ Tesla ก็ยังสามารถ มีคนรักขนาดนี้ได้เลย ทั้งหมดนี่เกิดจาก Storytelling ซึ่งคุณก็ทำได้ครับ

✅ ลองดูผลลัพท์ครับ ✅

ซึ่งการเขียนนี้ ผมไม่ได้แต่งมั่วขึ้นมานะครับ!

ผมเอาเรื่องจริงนี่แหละมาเขียน แต่มันจำเป็นต้องถูกเขียนด้วยหลักการเล่าเรื่องที่ถูกต้อง

การเล่าเรื่องที่ถูกต้องนี่นะครับ มันจะทำให้เรื่องที่คุณเล่ายาวๆ เนี่ย ไม่มีความน่าเบื่อเลย มันจะสนุก น่าสนใจ ตื่นเต้น น่าติดตาม ต่อให้คุณเขียนเป็น 100 บรรทัดลูกค้าก็อ่านจนจบ แล้วมันจะทำให้ลูกค้าของคุณได้ ความรู้ ได้แรงบันดาลใจ ประทับใจในตัวคุณ และ จะทำให้เค้าได้รู้จักกับความเป็นตัวคุณมากขึ้น และ เชื่อมั่นในตัวคุณ มากขึ้นมหาศาลเลยครับ

แต่ถ้าเราไม่รู้หลักการเขียน ต่อให้เรื่องของเรามันดี อุดมการ์ของเรามันดี แต่มันน่าเบื่อ มันไม่น่าสนใจ มันก็ไม่สามารถจะทำให้คนอ่านหรือดูจนจบ และไม่สามารถเข้าถึงหัวใจคนได้นะครับ

Skill Storytelling นั้นสามารถนำไปใช้ได้ ทั้งกับในการเขียนบทความ

หรือ นำไปทำเป็น VDO ก็ได้นะครับ มันมีหลักการเดียวกันครับ

หากใครได้ลองแล้วจะรู้ว่า Brand’s Storytelling คือการตลาดที่ทรงพลังที่สุดในโลกอันนึงเลยครับ มันสามารถทำให้คนตัดสินใจซื้อของคุณได้ง่ายมากครับ คุณขาย Story ของคุณให้ได้ใจลูกค้าได้ คุณก็ขายสินค้าให้เค้าได้ไม่ยากแล้วครับ

ซึ่งวันนี้ผมจะพามาแกะ วิธีเขียน และ เหตุผลเบื้องหลัง ของมันกัน เพื่อที่ทุกคนจะได้ เข้าใจ และ นำไปใช้สร้างแบรนด์ที่ทรงพลัง มีแฟนคลับนับแสน นับล้านคนกันครับ

แล้วคุณจะไม่ต้องเจอปัญหายิงแอดไม่คุ้ม โดนคู่แข่งตัดราคา หรือขายของได้แต่ราคาต่ำๆ อีกเลย 

Story Telling จะทำให้ของๆคุณดูมีค่ามหาศาล หากคุณสนใจคอร์ส

🔥 Powerful Brand Storytelling สร้าง แบรนด์ร้อยล้าน ด้วยการเล่าเรื่องที่ทรงพลัง🔥

 แอดไลน์ผมได้ที่ปุ่มนี้เลยครับ

ผู้สอนเป็นใคร?

🙏 สวัสดีครับ ผมพีท ครับ 8 ปีที่แล้วผมก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า U DRINK I DRIVE จากอุดมการณ์ที่ต้องการจะลดอุบัติเหตุจากการเมาไม่ขับ

ผมเริ่มธุกิจจากการมีพนักงานขับรถ 1 คน

2 ปีถัดมา ผมเพิ่มพนักงาน จาก 1 คน กลายเป็น 100 คน และ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมากสุดที่ประมาณ 700 คน

ให้บริการจากเดือนละ 20 เที่ยว เป็นปีละ แสนเที่ยว สร้างรายได้ปีละประมาณ 70 ล้านบาท ครับ

อันนี้เป็นบรรยากาศงานครบรอบ 2 ปีครับ

นั่นทำให้ผมได้รับรางวัล SME ตีแตก, SME Excellence Award ได้รับทุนจากหน่วยงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA และ รางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

และได้ออกรายการทีวี ลงนิตยสาร GQ Money  หนังสือพิมพ์ Dailynews 1 หน้าเต็มๆ ด้วยครับ

อันนี้เพื่อนๆคนดังที่ผมได้รู้จักจากการทำ u drink i drive ครับ มาจากเป็นลูกค้านี่แหละ 😂

หากคุณเบื่อปัญหา ยิงแอดไม่ค่อยจะคุ้ม ค่าแอดแพง คนทักมาแล้วปิดการขายได้น้อย วันๆ โดนแต่คู่แข่งตัดราคา ผมจะบอกว่า BRAND คำเดียว คือ คำตอบของคุณเลยครับ มันจะแก้ปัญหาให้คุณได้ทุกอย่าง

การลงทุนสร้างแบรนด์ที่ทรงพลัง คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ มันจะอยู่กับคุณไปอีกนานแสนนาน

หากคุณสนใจแอดไลน์เข้ามาได้เลยครับ